ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช : กองหน้าจอมติสท์ผู้รับหน้าที่ล่าตาข่ายให้ปีศาจแดง


"มันไม่ใช่เรื่องคุยโว หากว่าคุณสามารถทำได้จริง" หนึ่งในประโยคเด็ดจากปากของมูฮัมหมัด อาลี ซึ่งอำลาโลกไปในปีนี้ คำนี้สามารถพูดได้เช่นกันโดยซลาตัน อิบราฮิโมวิช เมื่อดูจากอาชีพค้าแข้งที่ผ่านมาของศูนย์หน้าผู้นี้ มันแบ่งออกได้เป็น 2 อย่างจริงๆ นั่นคือคุยโว แล้วก็ทำให้ได้
ในปีนี้รายหลังได้กระทำการอุกอาจยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน แต่ถ้าคุณลองได้พูดว่า "ผมจะไม่เป็นแค่ราชาแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ผมจะเป็นพระเจ้าแห่งเมืองแมนเชสเตอร์" มันก็เหมือนคุณได้เรียกแขกเป็นอย่างมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการฟุตบอลอังกฤษแล้วด้วย บางทีแค่การขึ้นครองราชย์อาจไม่ดึงดูดเพียงพอสำหรับคุณภาพฝีเท้าของอิบราฮิโมวิช และเมื่อเขาเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็ได้สร้างภาพลักษณ์ให้ตนเองกลายเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันที
มันยังเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ของมูรินโญ่ด้วยเช่นกัน กุนซือวัย 53 ปีต้องการลบภาพความล้มเหลวที่เขาเผชิญมา และก็เป็นเรื่องของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกด้วย เมื่อพิจารณาจากคู่ปรับร่วมเมืองที่กำลังสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นมาเรื่อยๆ และพวกเขาก็จำเป็นจะต้องกลับสู่เส้นทางของตัวเองให้ได้หลังเปลี่ยนผ่านจากยุคเฟอร์กี้ ถัดจากมูรินโญ่ ยูไนเต็ดก็เซ็นสัญญาอิบราฮิโมวิช ต่อด้วยปอล ป็อกบาเข้ามาในลีก โดยไม่สนใจเสียงวิจารณ์เล็กๆ ที่ว่าระบบ 4-2-3-1 ของมูรินโญ่ไม่น่าจะเหมาะกับทั้งคู่ อิบราฮิโมวิชได้เข้ามาเป็นหมากสำคัญของมูรินโญ่ ซึ่งเคยพูดถึงดาวเตะชาวสวีดิชเอาไว้ว่า "ผมต้องการใครสักคนในสนามที่สามารถอ่านเกมได้ และเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ แต่จนถึงตอนนี้ ช่วงเหตุการณ์ที่ดีที่สุดของอิบราฮิโมวิชและป็อกบาในสีเสื้อปีศาจแดงก็ยังมาจากแค่ความสามารถโดยธรรมชาติของพวกเขาเท่านั้น"
และถ้าคุณจะบอกว่าอิบราฮิโมวิชจะไปไม่รอดหรอกในอังกฤษ แน่ใจเหรอ? คิดผิดแล้ว
อิบราฮิโมวิชเข้ามาช่วยทีมได้ในทันที ด้วยการเบิกสกอร์แรกด้วยลูกยิงกระโดดวอล เล่ย์สุดสวยในช่วงพรีซีซั่น เขายังยังประตูชัยให้ยูไนเต็ดในคอมมิวนิตี้ ชีลด์ด้วย จากนั้นก็เป็นลูกประเดิมเกมลีกจากระยะ 25 หลา ในเกมกับบอร์นมัธ 4 ประตู จากการลงสนาม 4 นัดแรกในพรีเมียร์ ลีก ยังรวมถึงประตูที่คนมักลืมพูดถึงในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้เกมแรกของเขาด้วย จากนั้น 6 เกม 0 ประตู นั่นทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมาย ซึ่งเขาก็ให้คำตอบในแบบฉบับของซลาตัน "ประตูจะตามมาเอง ผมทำประตูได้มากกว่า 450 ลูกตลอดอาชีพค้าแข้ง เพราะฉะนั้น นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะกังวลถึงมันเลย" และเขาก็กลับมาด้วย 2 ประตูในเกมกับสวอนซี แต่บางคนก็ยังติดภาพในช่วงที่เขายิงไม่ได้อยู่ดี
หากว่าเราจัดอันดับเมื่อหลายเดือนก่อน บางทีเขาอาจจะอันดับขยับขึ้นจากที่ 16 ที่เขาทำไว้เมื่อปีก่อนก็ได้ แทนที่จะร่วงลงมา 2 อันดับ ถึงอย่างนั้น คุณก็ยังอาจถามอีกอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงยังติดท็อป 20 ของเราอยู่อีก?
แม้ว่าคุณอาจมองว่าลีก เอิงนั้นไม่มีอะไรเลย และทีมฝรั่งเศสที่คอยเอาชนะทีมอังกฤษในเวทียุโรก็คงไม่เห็นด้วย แต่สถิติการถล่มประตูของอิบราฮิโมวิชนั้นน่าเหลือเชื่อเอามากๆ ฤดูกาลก่อน มันดูเหมือนเป็นเรื่องตลกไปเลย ลงเล่นเป็นตัวจริงในลีก 29 เกม ทำได้ 38 ประตู 13 แอสซิสต์ รวมกันแล้วเป็นประตูถึง 51 ลูก จาก 29 เกม?นั่นมันบ้ามาก


‘มิลเนอร์’ชี้อยู่ที่หงส์เองคว้าอันดับลุยชปล.อย่าไปกังวลทีมอื่น


เจมส์ มิลเนอร์นักเตะสารพัดประโยชน์ชี้ว่าตอนนี้โอกาสในการไปแชมเปี้ยนส์ลีกหนแรกในรอบ 3 ปีของลิเวอร์พูลนั้นอยู่ในมือของพวกเขาเอง ไม่ต้องไปเป็นกังวลกับสโมสรอื่น
 “หงส์แดงกำลังอยู่ในช่วงไม่แพ้ใครมา 6 นัดติดต่อกันในลีกและยังคงครองอันดับ 3 ในตารางภายหลังจากที่คัมแบ็คกลับมาชนะสโต๊ค ซิตี้ได้ในเกมล่าสุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีโอกาสแซงได้ถ้าหากพวกเขาเอาชนะเกมในมือที่เหลืออยู่อีกนัด ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอันดับ 5 ก็มีโอกาสขยับมาทาบได้เช่นกันเพราะเหลือเกมในมืออีกถึง 2 นัด อย่างไรก็ตามด้วยความที่ 6 นัดที่เหลือของหงส์แดงไม่ต้องเจอกับคู่ปรับแถวหัวตารางเลย มิลเนอร์ก็เชื่อว่าพวกเขาสามารถจบท็อปโฟร์ได้โดยโฟกัสไปที่ทีมของพวกเขาเองเท่านั้นพอ  “ในจุดที่เราอยู่นั้นหมายความว่ามันไม่เกี่ยวกันว่าทีมอื่นคิดและจะเป็นยังไงมิลเนอร์ให้สัมภาษณ์
 “เรารู้ว่าถ้าเราทำหน้าที่ได้ในเกมที่เหลือเราเหลืออยู่ ผมมั่นใจว่ามันจะดีพอนะ มันขึ้นอยู่กับเราล่ะ
 “เราไม่อยากไขว้เขวหรือต้องเป็นกังวลกับผลการแข่งขันคู่อื่นๆ หวังว่าเราจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเราเอง
การคัมแบ็คกลับมาคว้าชัยของลิเวอร์พูลเกมเมื่อเสาร์ที่แล้วเกิดขึ้นหลังจากมีการส่งเดเนียล สเตอร์ริดจ์กับสองดูโอ้บราซิเลี่ยนอย่างฟิลิปเป้ คูตินโญ่และโรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ลงสนามช่วงครึ่งหลัง ทั้งสามคนไม่ฟิตเพียงพอที่จะออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ในขณะที่อดัม ลัลลาน่าและจอร์แดน เฮนเดอร์สันสองนักเตะผู้ดีก็พลาดลงสนามเพราะมีอาการบาดเจ็บอยู่  “เรามีอาการบาดเจ็บไปทุกตำแหน่งเลย มันเป็นช่วงเวลานั้นของปีและคุณต้องอดทนไว้และเดินหน้าต่อไป”  “แต่นั่นเป็นสิ่งนึงที่นำมาต่อว่าทีมนี้ไม่ได้เลยนะ หากจะบอกว่าขาดความปรารถนาและขาดความตั้งใจที่จะเอาชนะรวมถึงทัศนคติในการคัมแบ็คน่ะ
 “เราทำแบบนั้นมาหลายครั้งแล้วและความเชื่อในการเดินหน้าต่อและเก็บสามแต้มก็ยังอยู่ตรงนั้น เราแค่ต้องการความสม่ำเสมอล่ะ” “ความเชื่อมั่นอยู่ที่นี่ ผมพูดมันตั้งแต่ก่อนลงเล่นเกมที่นี่ ผมไม่คิดว่า ผู้คนจะตระหนักว่า ขุมกำลังในทีมของเราดีแค่ไหน ดังนั้นผมคิดว่ามันจะยิ่งมากขึ้น และมากขึ้นในฤดูกาลนี้
 “มันเป็นเกมแบบที่แตกต่าง เกมที่ไม่เคยจะเป็นเกมที่สวยงาม พวกเขาแตกต่างไปอย่างมากกับเกมอื่นๆ ในฤดูกาลนี้” “การที่สามารถเก็บชัยชนะกลับมา และวิธีการเล่นที่เราทำมันต่อไปในครึ่งหลัง  (เรา)พยายามเล่นกันต่อ พยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง เราเหนือกว่าส่วนใหญ่ในครึ่งหลังอย่างแน่นอน ผมจำไม่ได้ว่า พวกเขาเข้าไปในเขตโทษเราได้มากแค่ไหน และเราเล่นเกมของเราในแดนของพวกเขาได้ดีจริงๆ

 “ความพยายามเล่นให้ละเอียดขึ้น รักษาแนวทางการเล่นที่เราต้องการจะเล่น และแน่นอนว่า มันให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ มันแสดงให้เห็นถึงความอดทนที่ดีจากนักเตะ และแสดงให้เห็นว่าเราไม่วิตกกังวลจนเกินไป

4 สิ่ง!!! ที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ"อาแซน เวนเกอร์"


หลากหลายเรื่องราวของกุนซือมาดละเมียด "อาแซน เวนเกอร์"บางเรื่องหลายคนอาจจะเคยรู้กันมาบ้างแล้ว
1.เวนเกอร์จบวิศวะฯ และ เศรษฐศาสตร์ เรื่องการศึกษาเวนเกอร์ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
เวนเกอร์จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ สาขา "วิศกรรมไฟฟ้า"  และปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสทราซบูร์  นอกจากนี้ เวนเกอร์ยังมีความสามารถในการพูดได้หลายภาษา โดยสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศส, เยอรมัน และอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และยังสามารถพูดภาษาอิตาลี, สเปน และญี่ปุ่นได้บ้างอีกด้วย ก็ไม่แปลก ถ้ามีคนจะเรียกเค้าว่า "ศาสตราจารย์"
2.ตอนเป็นนักเตะ เวนเกอร์มี ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์ เป็นไอดอล ใครจะรู้ว่า สมัยที่อาแซน เวนเกอร์ เป็นนักฟุตบอล  เค้ามีฮีโร่ในดวงใจคือตำนานปราการหลังทีมชาติเยอรมัน ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์ (Franz Beckenbauer) เวนเกอร์เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งสมัครเล่นในตำแหน่งกองหลังเหมือนไอดอลของเค้า เค้ากลายเป็นนักเตะอาชีพครั้งแรกในปี ค.ศ. 1977 ในทีมแอร์เซสทราซบูร์นัดที่เจอกับโมนาโก  เขาได้ลงเล่นให้กับต้นสังกัดเพียง 12 ครั้ง  โดยในจำนวนนี้มีหนึ่งนัดที่ได้เล่นฟุตบอลรายการยูฟ่าคัพ ฤดูกาล 1978-79  ซึ่งเป็นการลิ้มลองรสชาติครั้งแรกและครั้งเดียวของเขาในรายการฟุตบอลยุโรป
3.เวนเกอร์เป็นคนชักนำ จอร์จ เวอาห์ สู่วงการฟุตบอลยุโรป หลายๆคนอาจจะรู้จักเวนเกอร์ ในฐานะผจก.ทีมจอมปั้น ที่เคยชักนำ เธียรี่ อองรี นักเตะที่ไม่มีใครสนใจ มาสู่อาเซน่อล แล้วปั้นให้อองรี เป็นนักเตะตำนานที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อย่างในปัจจุบัน แต่ใครจะรู้ว่า ในปี 1988 เค้าเคยเซ็นสัญญากับกองหน้าโนเนมจากประเทศลิเบเรีย ที่ชื่อว่า จอร์จ เวอาห์ กับทีมโมนาโก ที่เค้าคุมทีมอยู่ในขณะนั้น ใช้แล้ว จอร์จ เวอาห์ กองหน้ามิลาน เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมฟีฟ่าปี 1995 นั่นเอง และเคยซื้อตัว เกลนน์ ฮอดเดิล และ เยือเกิน คลินส์มันน์ มาร่วมทีมอีกด้วย นอกจากนั้นยังได้เซ็นสัญญากับ ยูรี จอร์เกฟฟ์ มาจากแอร์เซสทราซบูร์  ที่ได้กลายมาเป็นนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1998 และดาวซัลโวลีกเอิงฝรั่งเศส (20 ประตู) ในปีสุดท้ายที่แวงแกร์คุมทีมอยู่ในฝรั่งเศส
4.เวนเกอร์เคยปฎิเสธที่จะคุมทีมชาติฝรั่งเศส แต่ปีต่อมาดันโดนไล่ออกจากโมนาโก ระหว่างที่เวนเกอร์คุมทีมโมนาโก เค้าพาโมนาโกประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกในปี 1988  ซึ่งก็เป็นฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีมนั่นเอง จากนั้นก็คว้าแชมป์เฟรนช์คัพ ในปี 1991 ในปี ค.ศ. 1994 เป็นปีที่โชคร้ายของเวนเกอร์ เมื่อเขาปฏิเสธข้อเสนอจาก บาเยิร์น มิวนิค และการเป็นโค้ชทีมชาติฝรั่งเศส  แต่โมนาโกจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับ 9 ของตาราง  ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่สโมสรตั้งเอาไว้ หลังจากนั้น เขาก็ถูกไล่ออก





5 เหตุผลที่ไม่ควรขายอาซาร์ออกไป


เอแดน อาซาร์ แม้ว่าเกมล่าสุดที่เตะกับผีแดง จะเจออิทธิฤทธิ์ลูกกรอกของพี่น้อย อังเดร เอร์เรร่า ประกบติดจนเล่นไม่ออก ทำให้หลายคนผิดหวังเล็กน้อย อย่างไรเสียมันก็เกม เกมหนึ่งที่คนเราก็มีวันที่ฟอร์มไม่ดีบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เชลซีต้องทำให้ได้ในซัมเมอร์นี้ก็คือ รั้งนักเตะไว้ให้อยู่ที่เชลซีให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
หาตัวแทนไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะอะไรถึงห้ามขาย อาซาร์ ออกไป อย่างที่เรารู้กันหากไม่นับ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ สองเอเลี่ยนที่แปลงร่างมาเตะฟุตบอลแล้ว อาซาร์เองน่าจะอยู่ในระดับรองลงมานิดหน่อยเทียบเคียงได้กับ เนย์มาร์ , ซัวเรซ , เบล ได้เลย ทีนี้หากเชลซีเสียเค้าไป การจะมองหาตัวแทนเค้าในฤดูกาลหน้ากวาดสายตาไปแล้วไม่มีใครเลยที่ทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ใกล้เคียงกับเค้า ถ้าเกิดเสียเค้าไปบอกเลยว่าหาตัวแทนไม่ได้แน่นอน
เกมเวทียุโรปฤดูกาลหน้า
ปีนี้เชลซีแทบจะจองแชมป์ลีคไว้ล่วงหน้าได้เลย นั่นทำให้พวกเค้าต้องไปเล่น UCL ในฤดูกาลหน้าค่อนข้างแน่นอน เมื่อเชลซีจะต้องเจอเกมระดับทวีป การเตรียมตัวผู้เล่นที่มีระดับสูงไว้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ เกม UCL เดี๋ยวนี้ไม่ง่ายเหมือนก่อนแล้ว แต่ะละทีมมีฝีเท้าใกล้เคียงกันมากๆ หากเสียอาซาร์ไป เผลอๆจอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเลยด้วยซ้ำ
เชลซีกลายเป็นลูกไล่
การถูกทีมบิ๊กของบิ๊กทีม ทุ่มฟาดหัวเอาสตาร์คนสำคัญของทีมไป เป็นเรื่องธรรมดาที่เห็นจนชินตาทุกซัมเมอร์ การทำแบบนี้เหมือนกับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย หากเชลซีไม่อยากจะเป็นเพียงแค่ “ลูกไล่” ของบรรดาบิ๊กทีมในยุโรป การแข็งข้อไม่ยอมขายสตาร์อันดับหนึ่งให้กับทีมบิ๊กๆ น่าจะเป็นเรื่องดีมากกว่า
มูลค่าทางการตลาดลด
อาซาร์ ผลงานในสนามเราคงไม่ต้องสาธยายกันให้มากความอีกแล้ว ว่าเค้าเก่งแค่ไหน ทีนี้ความเก่งของเค้า ส่งผลให้มูลค่าทางการตลาดของทีมสูงขึ้นด้วยบวกกับภาพลักษณ์ของเชลซีอีก หากเชลซีขายเค้าไปจริงๆ แม้ว่าจะได้เงินก้อนโตถึงระดับสถิติโลกก็ตาม แต่พวกเค้าก็แลกกับมูลค่าทางการตลาดที่เสียไปด้วย เผลอๆเงินที่เสียไป ไม่คุ้มกับค่าตัวที่ได้มาด้วยซ้ำ
เสียศรัทธาต่อแฟนบอล
แฟนบอลเชลซีตอนนี้เชื่อว่าคงยิ้มกริ่มแน่นอน เพราะดูแล้วทีมมีสิทธิ์เข้าป้ายคว้าแชมป์ลีค 70% ไปแล้ว ส่วนบอลถ้วยก็ 30% แต่ถ้าฤดูกาลหน้าพวกเค้าเสียสตาร์อันดับหนึ่งไป มันย่อมสร้างความเดือดดาลให้กับแฟนบอลเป็นอย่างดีเลยทีเดียว หากเสียอาซาร์ไปแล้ว ดีลคนใหม่ไม่ดีพอก็จะยิ่งแย่ไปอีก สรุปก็คือ รั้งไว้ให้ได้เป็นการดีที่สุด


5 นักเตะเร็วที่สุด ซึ่งเคยสร้างสีสันในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์


1.   อาร์เยน ร็อบเบน เขายังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่เร็วที่สุดในโลกอยู่เช่นเดียวกัน ปีกชาว ดัตช์ วัย 30 ปี นั้นเพิ่งจะอายุได้ 20 ขวบเมื่อย้ายมาจาก พีเอสวี มา ฮอลแลนด์ ในราคาที่ สิงห์บลู จ่ายไป 18 ล้านยูโร คว้าตัวมาช่วงซัมเมอร์ปี 2004 ร็อบเบน มีความเร็วและกำลังขาที่สมบูรณ์เอามาก ๆ เมื่อสมัยอยู่กับทีมลอนดอนตะวันตก เขาอยู่กับ เชลซี ในยุค 2000 ที่ฟุตบอลอังกฤษ รุ่งเรืองเอามาก ๆ เคยได้แชมป์ลีกถึง 2 ครั้ง. ลีกคัพ 2 ครั้ง และ เอฟเอคัพ อีก 1 ครั้งในการค้าแข้งที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยกัน
2. เอเด็น อาซาร์ เป็นผู้เล่นที่เพรียบพร้อมไปด้วยความทสามารถของ เชลซี ตลอดกาลเลยก็ว่าได้ ความเร็วและทักษะของ เอเด็น อาซาร์ นั้นได้ถูกปลดล็อคออกมาแล้ว นักเตะชาว เบลเยียม ได้พา สิงห์บลู คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาแล้วในปี 2005 และดูเหมือนว่ากำลังจะทำได้อีกครั้งในปีนี้ด้วยเหมือนกัน ปีกซ้ายของ เชลซี ได้ถูกยกย่องให้เป็นนักเตะที่คู่ต่อสู้ยากที่จะหยุดความสามารถในการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วและความคล่องตัวได้ เขาสามารถควบคุมบอลได้ดีและยังสร้างโอกาสการทำประตูมากมายได้อีกด้วย
3. โมฮาเม็ด ซาลาห์ เหมือนกับ กวาดราโด หลังจากที่เขาไม่สามารถแสดงผลงานได้ตามที่คาดหวัง ซาลาห์ นั้นกลายเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม มีพรสวรรค์สูงและเป็นที่รู้จักกันดีใน กัลโช เซเร อา นักเตะทีมชาติ อียิปต์ ตอนนี้เล่นให้กับ โรมา ซึ่งเคยถูกจับตาโดยแมวมองของ เชลซี ตอนที่เขาทำประตูให้กับ บาเซิล ในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ลีก 2 นัดไปกลับ จากนั้นไม่กี่เดือนก็ถูก สิงห์บลู คว้าตัวมาร่วมทีมเพียงแค่ 11 ล้านปอนด์ เท่านั้น
4. เปโดร นักเตะ สเปนิช ได้เรียนรู้วิชามามากมายจาก บาร์เซโลนา เมื่อครั้งเคียงคู่กับ ลิโอเนล เมสซี, ดานี อัวเวส และ เธียร์รี อองรี ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าอะไรทำให้เข้ากลายเป็นผู้เล่นที่เร็วที่สุดคนหนึ่งไปเลยหลังจากปีแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่ไม่ค่อยได้ลงเล่นมากซักเท่าไหร่นัก ตอนนี้ปีกจรวดของ สิงห์บลู ก็ได้พิสูจน์ให้แฟนบอลและเพื่อนร่วมทีมเห็นในฤดูกาลถัดมาว่าเขาคู่ควรกับแชมป์ลีกสูงสุดของ อังกฤษ จริง ๆ
5. ฆวน กวาดราโด้ แม้แฟนบอล เชลซี อาจจะไม่สามารถจำช่วงเวลาที่ กวาดราโด้ นั้นเล่นในทางริ้มเส้นได้ก็ตาม นักเตะ โคลอมเบียน ก็ได้แสดงความสามารถที่ดีมากให้กับสโมสรในลอนดอนตะวันตก ซึ่งก็เป็นนักเตะที่เร็วสุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ สิงห์บลู ตอนนี้เขาได้ถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นที่ ยูเวนตุส ซึ่งก็ได้พยายามต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงใน อิตาลี อยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ปีกวัย 28 ปีก็ได้ทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขานั้นดีพอที่จะกลับไปลงเล่นที่ พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง


9 สิ่งที่ ลิเวอร์พูล จะได้รับ จากการมี เจมส์ มิลเนอร์ อยู่ในทีม


ในที่สุด เจมส์ มิลเนอร์ ก็ประสบความสำเร็จในการย้ายไปเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ โดย ลิเวอร์พูล จะกลายเป็นสโมสรที่ 5 ในพรีเมียร์ ลีก ตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา โดยก่อนหน้านี้เคยลงเล่นให้กับ ลีดส์, นิวคาสเซิล, แอสตัน วิลล่า และแน่นอนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่การย้ายตัวครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่? และ เดอะ ค็อป จะคาดหวังอะไรจากตัวเขาได้บ้าง ลองตามไปดูกันเลยดีกว่า
1. ทรงผมธรรมดาๆ  สตีเว่น เจอร์ราร์ด กลายเป็นที่โด่งดังในวันสุดท้ายของเขา ในฐานะกัปตันทีมลิเวอร์พูลที่มีความสามารถและทรงผมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่างกับ เดวิด เบ็คแฮม ที่กลายเป็นผู้นำด้านทรงผมของนักฟุตบอล ไม่ต้องห่วงสำหรับมิลเนอร์ ดูทรงผมของเขาซะก่อน
2. ลูกเซต-พีซ หลุยส์ ซัวเรซ จากไปเมื่อซัมเมอร์ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผู้รับเหมาลูกฟรีคิกก็จะจากไปในปีนี้ จะให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เตะเหรอ? ไม่มีทาง
3. ความขยัน ถามแฟนบอลคนไหนก็ได้ในโลกเลยว่า สิ่งไหนที่พวกเขาอยากเห็นบนสนาม และพวกเขาจะบอกคุณว่าคือความขยันและความตั้งใจ ยกตัวอย่างเช่น สตีฟ แมคมานามาน กับ  เรอัล มาดริด, เดิร์ค เคาท์ กับ ลิเวอร์พูล และ...เจมส์ มิลเนอร์
     มิลเนอร์ คือคำตอบที่ใช่ ลืมมาร์โควิช กับบาโลเตลลี่ ไปซะ เจมส์ มิลเนอร์ คนนี้ จะวิ่งลืมตายเพื่อนำชัยชนะมาสู่ทีม
4. เสียงหัวเราะ เขาอาจไม่ใช่นักเตะส่วนใหญ่บนโลกนี้ที่เกิดมาพร้อมเทคนิคอันเป็นพรสวรรค์ แต่เขาก็จะทำสุดความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่าเขาสามารถหยุดนักเตะระดับสุดยอดได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย อย่างน้อยในห้องแต่งตัวที่แอนฟิลด์ก็จะได้มีเสียงหัวเราะจากเหตุการณ์ข้างบนนี้
5. เซลฟี่   เขามีการให้สัมภาษณ์ที่น่าเบื่อในบางครั้ง แล้วยังไงล่ะ? เจมส์ มิลเนอร์ รู้ดีว่าจะทำยังไงให้มันสนุก! ถ่ายเซลฟี่ซะเลยเป็นไง เหมือนนักบอลเท่ห์ๆที่เขาทำกันในทุกวันนี้
6.การจ่ายบอลที่แม่นยำ    เจมส์ มิลเนอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะอังกฤษมีอายุที่สามารถเล่นบอลยาวได้ดีเช่นเดียวกับ เจอร์ราร์ด ระยะไกลถึง 40 หลาก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับความแม่นยำของเขา  ไม่ใช่แค่เท้าเท่านั้นที่แม่นอย่างกับจับวาง ไปดูฝีมือการขว้างลูกแบบควอเตอร์แบ็คของเขากันว่าทำได้ดีเหมือนเท้ารึเปล่า
7.ความดุดัน     ด้วยการที่ สตีวี่ จี ใกล้จะอำลาทีมไป จะทำให้ ลิเวอร์พูล ขาดความเขี้ยวในแดนกลางมั้ย? เป็นเรื่องยากที่คุณจะได้เห็น คูตินโญ่, ลัลลาน่า หรือ โจ อัลเลน แสดงอาการฉุนเฉียว  แน่นอนว่าถ้าคุณได้                         มิลเนอร์ ไปร่วมทีม เขาจะพกพาความเกรี้ยวกราดมาด้วย อยากได้ข้อพิสูจน์มั้ยล่ะ? ดูคลิปข้างบนเลยดีกว่า ถ้าคุณไม่เชื่อผม
8. ที่สุดของความแข็งแกร่ง มิลเนอร์ เป็นฮาร์ดแมนตัวจริง ลืมหมวกกันหนาว, เลกกิ้ง และถุงมือไปซะ เขาไม่ต้องการของอะไรแบบนั้นหรอก
9. เฮฮากับวันคริสต์มาส    ลืมปาร์ตี้วันคริสต์มาสอันป่าเถื่อนที่จะทำให้ผู้จัดการทีมพรีเมียร์ ลีก ทุกคน ต้องทนทุกข์จากฝันร้ายอันเจ็บปวดในการเตรียมรับมือกับเรื่องอื้อฉาวในพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเมื่อคุณมี เจมส์ มิลเนอร์ อยู่ในทีม เขาจะคอยดูแลให้ทุกคนไม่เกเรและประพฤติตัวอย่างถูกต้อง




เดมาไร เกรย์คือใคร ทำไมคนสนใจเยอะ



เดมาไร เกรย์ ย้ายจากเบอร์มิ่งแฮม มาอยู่กับเลสเตอร์ สิตี้ เมื่อตอนต้นปี 2016 โดยเซ็นสัญญาฝากอนาคตไว้ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ถึงปี 2020 ซึ่งก่อนที่จะเกรย์ จะย้ายมาใส่เสื้อหมาจิ้งจอกสยาม เจ้าตัวฝากผลงานอันน่าประทับใจเยอะมากเอาไว้จากการบริการสังกัดเดิมเดิม จนได้รับคำเชิดชูจากสื่อมวลชนรวมทั้งคนภายในแวดวงว่าเป็นดาวรุ่งที่น่าสังเกตเยอะที่สุดคนหนึ่งของดินแดนผู้ดี แล้วก็ยังถูกหมายหัวจากกลุ่มชั้นแนวหน้าเยอะมากในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เกรย์อยู่ยี่ห้อลูกโลก มาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ผ่านงานมาพร้อมกับกลุ่มเยาวชนของสมาพันธ์ทุกรุ่น ก่อนที่จะได้รับจังหวะลงเปิดฉากสนามในฐานะผู้เล่นสำรองหนแรกในเกมที่ไม่ลล์วอลล์ ในตุลาคม 2013 ซึ่งเขาแก่เพียงแค่ 17 ปีเพียงแค่นั้น และก็ประตูของปีกวัยรุ่นรายนี้เกิดขึ้นในเกมกับดอกกุหลาบไฟอย่างกางล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในเมษายน 2014 สำหรับจุดแข็งของดาวโรจน์รายนี้อยู่ความเร็วเหนือเสียงรวมทั้งความคล่องตัว แถมยังเป็นตัวประดิษฐ์ช่องทางให้เพื่อนฝูงร่วมกลุ่มได้ดีเยี่ยม ผลงานของลำแข้งวัยกระเตาะรายนี้ไปสะดุดตาแมวมองของ เลสเตอร์ สิตี้ ในเกมที่เจอะกันตอนปรีซีซั่น ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะสุนัขจิ้งจอกไทย จะได้ลายเซ็นปีกวัย 19 ปีเมื่อตอนปีใหม่ก่อนหน้านี้
ดาวเตะลมกรด ลงเล่นให้กับกลุ่มชาติอังกฤษมาแล้ว 3 รุ่นไม่ว่าจะเป็น U18 U19 รวมทั้ง U20 โดยในกันยายน 2015 เกรย์ลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายติดต่อประสานงานกับลำแข้งเยาวชนจากเลสเตอร์ สิตี้ อีกหนึ่งรายอย่าง เบน ชิลเวลล์ ในเกมที่รับใช้ สิงโตน้อย U20 พบกับกลุ่มชาติสาธารณรัฐเช็ก U20 ต่อไปเด็กวัยหนุ่มจากลอนดอนกึ่งกลางปรับปรุงตนเองขึ้นมาเรื่อยระหว่างฤดู 2014-2015 อัพเกรดความเร็วแล้วก็เคล็ดลับ รวมทั้งการจบสกอร์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการซัดไป 6 ประตู จากการลงไปในสนาม 43 เกมในปีนั้นให้กับเบอร์มิ่งหมูแฮม
สำหรับชอตน่าจับใจที่สุดของไอ้หนูรายนี้คงจะหนีไม่พ้นผู้กระทำระหน่ำแฮตทริกใส่เรดดิ้ง เมื่อธันวาคม 2014 จนได้รับการโหวตเป็นดาวรุ่งเหมาะสมที่สุดที่ปีของสมาคม เดมาไรแสดงตัวในยูนิฟอร์มเลสเตอร์ สิตี้ทีแรกในเกมลีก คัพ ที่จำเป็นต้องบุกไปเยี่ยม สเปอร์ส ช่วงวันที่ 10 ม.ค. ก่อนหน้านี้ แถมยังเป็นการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้หมาจิ้งจอกไทย และก็สร้างผลงานแจ้งกำเนิดได้สุดกำลังจากการแอสซิสต์ให้ มาร์สิน วาร์สิเลฟสกี้ ยิงประตูได้ในเกมที่เท่ากัน 2-2 และก็ 6 วันถัดมา เขาได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก โดยลงเป็นตัวสำรองแทนมาร์ค อัลไบร์ทตัน ในเกมที่บุกไปเสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1

เมื่อใดที่เกรย์ได้รับจังหวะลงไปในสนาม บรรดากองหลังต้องพบกับปัญหาทุกหน ก่อนที่จะฤดูแรกในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับเลสเตอร์ สิตี้ จะสิ้นสุดลงด้วยสถิติ 2 แอสซิสต์จากการลงในสนาม 14 เกมรวมทุกรายการ แม้กระนั้นก็พอเพียงที่จะทำให้เข้าได้แชมป์พรีเมียร์ลีก

เรื่องแปลกๆของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้



1.เริ่มจับงานผู้ฝึกสอนคราวแรกที่ประเทศเม็กซิโก
ถึงการเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการกลุ่มอย่างเป็นทางการของกวาร์ดิโอลาจะเริ่มที่บาร์ซา เบ เมื่อปี 2007 แม้กระนั้นจริงๆแล้วเจ้าตัวก็เคยมีประสบการณ์คุมกลุ่มระดับอาชีพอยู่บ้าง โดยขณะที่ห้อยสตั๊ดในมิถานายน 2005 เมื่อคำสัญญากับอัล-อาห์ลีกลุ่มในกาตาร์หมดลง เขาก็เริ่มเข้ากันร์สเรียนผู้ฝึกสอนในเดือนเดียวกัน อย่างไรก็ดีฤดูหนาวของปีนั้นกวาร์ดิโอลาตกลงใจคืนสนามอีกทีเพื่อลงเล่นให้กับโดราโดส เด สิเนลัว สมาคมประเทศเม็กซิโกที่พึ่งตั้งมาไม่นาน
2. ชอบใจ ปีเตอร์ เคร้าช์
ในปี 2006 กวาร์ดิโอลาได้เขียนคอลัมน์ประจำให้กับเอล ขว้างอิส หนังสือพิมพ์มีชื่อของประเทศสเปนในตอนบอลโลกที่เยอรมนี ซึ่งบทความพวกนั้นได้พรีเซ็นท์ความเห็นอันน่าดึงดูดเกี่ยวกับไอเดียเชิงบอลของเขา รวมทั้งหนึ่งในบทความที่ถูกกล่าวถึงเยอะที่สุดเป็นการที่เจ้าตัวเผยศูนย์หน้าที่ชอบใจในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยถึงกับเซอร์ไพรส์เพราะเหตุว่าคนซึ่งก็คือ ปีเตอร์ เคร้าช์
“เวย์น รูนีย์ บางทีอาจเล่นได้งดงามและก็แน่ๆกว่าก็จริง” เขาเกริ่น “แต่ว่าเคร้าช์สามารถสร้างเงื่อนไขให้ท่านได้มากกว่า เพราะเหตุว่าเมื่อคุณเล่นไปตามเกมของเคร้าช์ มันจะมีผลให้คุณดีกว่าเป็นอย่างมากอย่างยิ่งจริงๆ”
3. ลา บาร์ซ่า หนแรกมิได้สวยงาม
เมื่อกวาร์ดิโอล่าจากบาเยิร์นไปเขาคงจะได้รับการกล่าวเยินยออย่างที่ควรได้รับ เหมือนกับเวลาที่ล่ำลาบาร์เซโลนาเมื่อปี 2012 สมาคมต่างรู้สึกเศร้าใจเมื่อรู้ดีว่าเฮดผู้ฝึกสอนคนเก่งกำลังจะออกเดินทางไป ซึ่งนักฟุตบอลทั้งทีมรวมทั้งประธานชมรม, ผู้อำนวยการกีฬา และก็สมาชิกในกระดานบริหารต่างเข้ามาร่วมงานแถลงข่าวของเขา ตามมาด้วยวิดีโอขอบคุณมากรวมทั้งคำบอกเล่าร่ำลาต่อหน้าต่อตาแฟนบอลที่คัมป์นูแบบสมเกียรติตำนานสมาคม
4. มือขวาของเขาเป็นอดีตกาลเหรียญทองโอลิมปิกโปโลน้ำ
กวาร์ดิโอลาอาจมีผู้ช่วยผู้คนจำนวนมากที่บาเยิร์นก็จริง แม้กระนั้นมีอยู่คนหนึ่งที่สะดุดตากว่าผู้อื่นเพราะเหตุว่าสถานะความเป็นตำนานของเขามันก็คือ มานูเอล เอสตำหนิอาร์เต้ โดยเจ้าตัวมิได้เป็นนักเตะถ้าเกิดแต่ว่าเป็นนักโปโลน้ำรวมทั้งลงเล่นในโอลิมปิกเกมส์ถึง 6 ครั้ง ซึ่งฝีมือของเขาสาหัสจนกระทั่งขนาดได้รับสมญานามว่าเป็น “มาราโดนาที่โปโลน้ำ” อย่างยิ่งจริงๆ โดยสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกและก็แชมป์โลกมาครอบครองได้อย่างละครั้ง

ที่คัมป์นู เอสติเตียนอาร์เต้เป็นมือขวาของกวาร์ดิโอลาที่ได้รับความยำเกรงรวมทั้งความวางใจจากนักฟุตบอลในกลุ่มจากเกียรติยศก่อนหน้าที่ผ่านมา แล้วก็มันก็เป็นคุณทรัพย์สินที่มีค่าสำหรับผู้ฝึกสอนขณะที่เขาต้องการทราบว่าความเชื่อที่ส่งผลต่อการกระทำของกลุ่มตนเองคืออะไร รวมทั้งความเกี่ยวข้องก็ยังคงอยู่อย่างสม่ำเสมอที่มิวนิค ซึ่งบางทีเขาก็เป็นคนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความคิดใหม่ๆของเป๊บแล้วก็ยังก็ช่วยรีวิววีดิโอข้างหลังเกมให้ เขาเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลุ่มสต๊าฟฟ์ผู้ฝึกสอน รวมทั้งเป็นผู้ที่มีทิศทางว่าจะถูกอ้อนวอนให้ตามไปช่วยงานกับสังกัดเดิมใหม่ด้วย

ทักษะพื้นฐานที่ควรมีสำหรับเริ่มต้นเล่นฟุตบอล


สำหรับเพื่อการเล่นบอลให้เก่งควรจะมีความชำนาญสำหรับการเล่นบอลที่ดีด้วย นอกเหนือจากที่จะฉลาดที่ดีจะต้องหมั่นฝึกซ้อมความสามารถการเลี้ยงลูก ส่งลูก การยิงประตูให้แม่นด้วย เพราะว่าสำหรับเพื่อการแข่งแต่ละครั้งทั้งยังฝั่งตรงข้าม เพื่อนฝูงในกลุ่มผู้ชม รวมทั้งตัวเราบีบคั้นแน่ๆ นั่นแหละ พวกเราก็เลยควรต้องฝึกฝนความสามารถใหม่ๆให้เชี่ยวชาญอยู่เป็นประจำ
การฝึกหัดความถนัดการเลี้ยงลูกบอลพวกเราจำต้องฝึกหัดการควบคุมการลงน้ำหนักกับลูกฟุตบอล แล้วก็จำต้องฝึกหัดควบคุมให้ลูกฟุตบอลอยู่กับพวกเราให้ได้นานที่สุดฝึกหัดการเลี้ยงลูกผ่านเครื่องกีดขวาง ควรมีสายตาที่ว่องด้วย เพื่อชำเลืองดูแนวทางที่จะพาลูกบอลไป ถ้าเกิดใช้น้ำหนักสำหรับเพื่อการเลี้ยงลูกบอลผิดก็จะควบคุมลูกได้ยากมากมาย ด้วยเหตุดังกล่าวในข้อนี้ก็เลยจำต้องฝึกฝนให้ชำนิชำนาญมากมายๆ
การฝึกหัดความสามารถการส่งลูกฟุตบอลไปให้เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม ก็เป็นความสามารถที่จำเป็นต้องฝึกฝนให้ชำนิชำนาญเช่นเดียวกัน เพราะว่าจะส่งบอลไปให้สหายนั้นยากมากมายโดยที่จำต้องผ่านคู่ต่อสู้ที่รอแย่งบอลพวกเราไปให้ได้ พวกเราก็เลยจำเป็นจะต้องที่จะต้องฝึกฝนการส่งลูกให้กันผ่านเครื่องกีดขวางล้นหลามไปให้ได้ แล้วก็ฝึกหัดความสามารถการรับจากเพื่อนพ้องด้วย ในแต่ละครั้งสายตาจำเป็นต้องไว ว่าพวกเราจะส่งลูกให้คนไหนได้ง่ายที่สุด คนไหนจะส่งลูกให้พวกเรา จะต้องฝึกฝนความสามารถเหล่านี้ไว้มากมายๆ
พอเพียงความถนัดการเลี้ยงลูกการส่งลูกรับลูกแม่นแล้ว พวกเราต้องฝึกฝนความสามารถการยิงประตูให้แม่นด้วย เพราะเหตุว่ากว่าจะบุกในกลุ่มตรงกันข้ามได้ยากมากมาย เมื่อได้โอกาสยิงประตูทำคะแนน แต่ละครั้ง ก็ไม่สมควรที่จะพลาด ความสามารถการยิงประตูที่ดีเป็นจะต้องเร็วและก็ใช้ความฉลาดเห็นว่าจำต้องยิงไปแนวทางไหนถึงจะเข้าประตูไปได้ ทำเช่นไรให้ผู้เฝ้าประตูรับมิได้ จำเป็นต้องยิงสูงหรือต่ำขนาดไหน จำเป็นต้องใส่น้ำหนักไปที่บอลเยอะแค่ไหน แล้วก็จะต้องผ่านฝั่งตรงข้ามที่ขวางพวกเราอยู่อย่างไร จะต้องเข้าไปตำแหน่งไหนก็เลยจะยิงได้ไม่พลาด แล้วก็ที่สำคัญจำเป็นต้องฝึกหัดเล่นเป็นกลุ่มให้เหมือนจริงไว้หลายครั้ง เพื่อนฝูงการแข่งขันแต่ละครั้งจะได้ไม่บีบคั้นมากมาย
แล้วก็คนที่เป็นกองข้างหลังของกลุ่มก็จำต้องฝึกหัดความชำนาญการต้านคู่ต่อสู้อย่าให้เข้าไปใกล้ประตูหลายครั้งนัก ฝึกหัดการแย่งบอลให้ชำนิชำนาญ

ถ้าหากประพฤติตามความถนัดที่กล่าวมาได้ ก็จำเป็นต้องตั้งอกตั้งใจฝึกหัดความชำนาญใหม่ๆไปด้วย ขยันฝึกเสมอๆและก็พวกเราก็จะชำนิชำนาญสำหรับการเล่นไปเอง แล้วก็จะเป็นนักฟุตบอลที่มีคุณภาพแน่ๆ หากมีความถนัดสำหรับในการเล่นที่ดี รวมทั้งหมั่นซ้อมอยู่เรื่อยรับเอาความชำนาญใหม่ๆจากผู้ฝึกอยู่เป็นประจำ แล้วเอามาฝึกซ้อมความถนัดให้เชี่ยวชาญเพียงนี้ก็พวกเราจะเป็นคนมีความชำนาญการเล่นบอลที่ดีได้แล้ว