นาบาส เคยติดทีมชาติคอสตาริก้า ทำศึกยู-17 ชิงแชมป์โลก ที่ฟินแลนด์ เมื่อปี 2003ก่อนจะติดธงชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2006ในเกมอุ่นเครื่องกับออสเตรีย และออสเตรีย ทว่าก็ไม่ได้ถูกส่งลงสนามแต่อย่างใด จากนั้น นาบาส สร้างชื่อในศึกโกลด์ คัพ 2009 ด้วยการพา "กล้วยหอม" ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศ และได้รับตำแหน่งผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์อีกด้วย
ในศึกฟุตบอลโลก 2014 ตอสตาริก้า เปิดฉากได้อย่างสวยหรู ด้วยการไล่ทุบอุรุกวัย 3-1ตามด้วยกระทุ้งอิตาลี 1-0 ก่อนจะเสมออังกฤษ 0-0 เป็นการปิดท้าย พร้อมกับจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม และนาบาส ก็โดนยิงผ่านมือเพียงแค่ลูกเดียว แถมเปนการเสียประตูจากลูกจุดโทษ
ขณะที่ในรอบถัดมา นาบาส ได้รับการโหวตให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในแมตช์ชนะกรีซ หลังจากเซฟเป็นพัลวันในเวลาปกติ และพาทีมเอาชนะ "เทพนิยาย" จากการดวลจุดโทษ ก่อนจะเป็น "กล้วยหอม" ซึ่งผ่านเข้าสู่รอบ 8ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัตศาสตร์ ถึงแม้จะหยุดอยู่ค่รอบดังกล่าวจากน้ำมือของ ฮอลแลนด์ ก็ตาม ทว่าเจ้าตัวยังได้รับการโหวตให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ อีกครั้ง ด้วยความสามารถของขา และฟอร์มการเล่น ด้วยความมั่นใจที่มี เขาสามารถช่วยทีมที่เขากำลังเล่นให้อยู่นั้นชนะมาหลายครั้งแล้ว จึงเป็นโปรไฟล์ที่ดีให้กับเขาเลยทีเดียว แน่นอน ทีมใหญ่อย่างเรอัล มาดริด ไม่มีพลาดอยู่แล้ว ที่จะดึงตัวมาร่วมทีม ด้วยความสามารถที่กล่าวมาข้างต้น จึงทำให้เขาได้รับโอกาสมาเล่นในสโมสรเรอัล มาดริด
ล่าสุดหงส์แดง ลิเวอร์พูล หมายตาเตรียมเข้าถกซื้อตัว คีย์เลอร์ นาบาส ผู้รักษาประตูของเรอัล มาดริด มาร่วมทีมในฤดูกาลหน้า หลังจากที่ทีมราชันชุดขาวจะพยายามดึงตัว ดาบิด เด เกอา ไปเฝ้าเสาให้ได้ สำหรับ คีย์เลอร์ นาบาส มือกาวชาวคอสตาริกา ถือว่ามีฝีไม้ลายมือที่จัดจ้านทีเดียว ทว่าทาง เรอัล มาดริด ต้องการที่จะได้นายด่านชื่อดังชาวสเปนแท้ ๆ อย่าง ดาบิด เด เกอา มาร่วมงานด้วยมากกว่า ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ยังไม่ไว้ใจ ซิมง มินโญเล่ต์ เท่าไรนักต้องการดึงตัวมาร่วมทีม อย่างไรก็ตามดีลนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทาง แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 10 สมัย ได้ตัว ดาบิด เด เกอา แล้วเท่านั้น ซึ่งแมนยูตั้งค่าหัวเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 66 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล เองก็พร้อมที่จะเทงบให้กับ คีย์เลอร์ นาบาส ที่ 15 ล้านปอนด์ เพื่อนำเข้ามากดดัน ซิมง มิโญเล่ต์ ส่วน ลอริส คาริอุส นั้นต้องดูอนาคตอีกทีว่าจะเป็นอย่างไร
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น